Loading..
PROCESSING. PLEASE WAIT...

แบบฟอร์มคำขอใช้สิทธิของเจ้าของข้อมูลส่วนบุคคล

ด้วยพระราชบัญญัติคุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคล พ.ศ. 2562 ให้สิทธิแก่เจ้าของข้อมูลส่วนบุคคลในการขอใช้สิทธิดำเนินการต่อข้อมูลส่วนบุคคลของตนตามที่กฎหมายให้การรับรองที่อยู่ในความรับผิดชอบของบริษัท ภัทรลิสซิ่ง จำกัด (มหาชน) (“บริษัท”) ในฐานะผู้ควบคุมข้อมูลส่วนบุคคล ข้อมูลในแบบฟอร์มนี้จำเป็นต่อการดำเนินการตามคำขอของท่าน ดังนั้น หากท่านประสงค์จะใช้สิทธิของเจ้าของข้อมูลส่วนบุคคล โปรดกรอกรายละเอียดในแบบฟอร์มนี้ให้ครบถ้วนและดำเนินการตามข้อกำหนดของบริษัท

1. ข้อมูลของเจ้าของข้อมูลส่วนบุคคล
ชื่อ-นามสกุล *
บัตรประจำตัวประชาชน/หนังสือเดินทาง/อื่น ๆ เลขที่ *
บ้านเลขที่
ชั้นที่
หมู่บ้าน/อาคาร
หมู่ที่
ตรอก/ซอย
ถนน
แขวง/ตำบล
เขต/อำเภอ
จังหวัด
รหัสไปรษณีย์
หมายเลขโทรศัพท์บ้าน
หมายเลขโทรศัพท์มือถือ
2. ข้อมูลของตัวแทนเจ้าของข้อมูลส่วนบุคคล (กรณีเจ้าของข้อมูลส่วนบุคคลเป็นผู้เยาว์, ผู้ไร้ความสามารถ หรือคนเสมือนไร้ความสามารถ)
ชื่อ-นามสกุล
บัตรประจำตัวประชาชน/หนังสือเดินทาง/อื่น ๆ เลขที่
บ้านเลขที่
ชั้นที่
หมู่บ้าน/อาคาร
หมู่ที่
ตรอก/ซอย
ถนน
แขวง/ตำบล
เขต/อำเภอ
จังหวัด
รหัสไปรษณีย์
หมายเลขโทรศัพท์บ้าน
หมายเลขโทรศัพท์มือถือ
3. เอกสารพิสูจน์ตัวตน
เพื่อให้บริษัทสามารถดำเนินการตามสิทธิที่ร้องขอได้อย่างถูกต้อง โปรดแนบเอกสารพิสูจน์ตัวตนยืนยันว่าท่านมีสิทธิร้องขอตามพระราชบัญญัตินี้ หากไม่สามารถแนบหลักฐานที่เพียงพอในการยืนยันตัวตน บริษัทขอสงวนสิทธิในการปฏิเสธคำร้องขอของท่าน
3.1 สำหรับเจ้าของข้อมูลส่วนบุคคล
- ไฟล์แนบ
- ไฟล์แนบ
3.2 สำหรับตัวแทนของเจ้าของข้อมูลส่วนบุคคล (ตามที่ระบุในข้อ 2.)
- ไฟล์แนบ
- ไฟล์แนบ
- ไฟล์แนบ
- ไฟล์แนบ
(เอกสารทุกฉบับต้องลงนามรับรองสำเนาถูกต้องทุกหน้า)
4. ความสัมพันธ์ของเจ้าของข้อมูลกับบริษัท
- ระบุอื่น ๆ
5. รายละเอียดคำขอใช้สิทธิ
5.1 ช่วงระยะเวลาที่ต้องการร้องขอ
วันที่ให้มีผลเริ่มต้น
วันที่ให้มีผลสิ้นสุด
5.2 สิทธิที่เจ้าของข้อมูลส่วนบุคคลต้องการให้ดำเนินการ
5.3 โปรดระบุข้อมูลส่วนบุคคลของท่านที่ต้องการใช้สิทธิตามข้อ 5.2
โปรดระบุเหตุผลประกอบการขอใช้สิทธิ
6. ข้อสงวนสิทธิของบริษัท

6.1 ในกรณีต่อไปนี้บริษัทอาจจำเป็นต้องปฏิเสธคำร้องขอของท่าน เพื่อให้เป็นไปตามกฎหมายที่เกี่ยวข้อง

6.1.1 ท่านไม่สามารถพิสูจน์ตัวตน/ยืนยันตัวตนได้ว่าเป็นเจ้าของข้อมูลส่วนบุคคล หรือมีอำนาจในการยื่นคำร้องขอ

6.1.2 คำขอของท่านไม่สมเหตุสมผล เช่น ไม่มีข้อมูลส่วนบุคคลอยู่ที่บริษัท หรือไม่มีอำนาจในการขอใช้สิทธิ เป็นต้น

6.1.3 คำขอดังกล่าวเป็นคำขอฟุ่มเฟือย เช่น ท่านขอใช้สิทธิในลักษณะเดียวกัน หรือมีเนื้อหาเดียวกันบ่อยครั้งโดยไม่มีเหตุอันสมควร เป็นต้น

6.1.4 ข้อมูลส่วนบุคคลของท่านได้ถูกทำลาย ลบ หรือถูกทำให้เป็นข้อมูลที่ไม่สามารถระบุตัวตนของท่านได้ ตามแนวทางและวิธีปฏิบัติของการเก็บรักษาข้อมูลของบริษัทแล้ว

6.1.5 หากบริษัทสามารถพิสูจน์ได้ว่าการใช้ เก็บรักษา หรือประมวลผลข้อมูลนั้นเป็นไปเพื่อเหตุอันชอบด้วยกฎหมายที่สำคัญยิ่งกว่าสิทธิของท่าน หรือเพื่อการก่อตั้งสิทธิเรียกร้องตามกฎหมาย การปฏิบัติตามหรือการใช้สิทธิเรียกร้องตามกฎหมาย หรือการยกขึ้นต่อสู้สิทธิเรียกร้องตามกฎหมาย หรือเพื่อปฏิบัติตามกฎหมายตามพระราชบัญญัติฯ

6.1.6 ในกรณีที่การลบหรือทำลายข้อมูลนั้นจะส่งผลกระทบต่อเสรีภาพในการแสดงความคิดเห็น ภาระผูกพันตามกฎหมาย ประโยชน์สาธารณะด้านการสาธารณสุข การศึกษาวิจัยทางวิทยาศาสตร์และประวัติศาสตร์ หรือการยกขึ้นต่อสู้หรือการก่อตั้งสิทธิเรียกร้องตามกฏหมาย

6.1.7 การใช้ เก็บรักษา หรือประมวลผลข้อมูลส่วนบุคคลนั้นมีความจำเป็นเพื่อการปฏิบัติหน้าที่ตามสัญญาระหว่างเจ้าของข้อมูลกับบริษัท

6.1.8 บริษัทจะดำเนินการพิจารณาคำขอของท่านภายใน 30 วันนับแต่วันที่ได้รับคำขอและข้อมูลต่าง ๆ รวมถึงเอกสารหลักฐานประกอบจากท่านครบถ้วนแล้ว อย่างไรก็ตาม บริษัทอาจขยายระยะเวลาเป็น 60 วัน (หากจำเป็น) ขึ้นอยู่กับความซับซ้อนและปริมาณของคำขอ

6.1.9 หากบริษัทปฏิเสธคำขอใช้สิทธิของท่าน บริษัทจะแจ้งเหตุผลให้ท่านทราบทางไปรษณีย์ลงทะเบียน โดยจะจัดส่งไปยังที่อยู่ตามข้อ 1 (กรณีที่เจ้าของข้อมูลเป็นผู้ยื่นคำขอใช้สิทธิ) และที่อยู่ตามข้อ 2 (กรณีที่ผู้แทนเจ้าของข้อมูลเป็นผู้ยื่นคำขอใช้สิทธิ) หรือช่องทางอื่นที่สะดวกที่ท่านได้ให้ไว้ต่อบริษัท ทั้งนี้ บริษัทจะไม่รับผิดชอบหากข้อมูลสูญหายระหว่างการจัดส่งของไปรษณีย์ หรือถูกส่งไปผิดที่ หรือข้อมูลที่จัดส่งถูกเปิดออกโดยบุคคลในครอบครัวของท่าน

6.1.10 บริษัทจะไม่เก็บค่าใช้จ่ายในการดำเนินการตามคำขอของท่าน อย่างไรก็ดี หากปรากฏว่าคำขอของท่านเป็นคำร้องขอที่ไม่สมเหตุสมผล หรือเป็นคำขอฟุ่มเฟือย หรือไม่มีมูลความจริง หรือมากเกินความจำเป็น บริษัทอาจเรียกเก็บค่าใช้จ่าย/ค่าธรรมเนียมในการดำเนินการแก่ท่าน ทั้งนี้ ค่าธรรมเนียมจะขึ้นอยู่กับค่าใช้จ่ายในการจัดการข้อมูลของบริษัท

6.1.11 บริษัทอาจติดต่อเพื่อขอข้อมูลหรือเอกสารเพิ่มเติมในกรณีที่คำขอไม่ชัดเจน หรือไม่ได้ให้ข้อมูลหรือเอกสารหลักฐานที่เพียงพอแก่บริษัทเพื่อดำเนินการตามคำขอของท่าน

7. คำยืนยันของเจ้าของข้อมูล/ผู้แจ้งความประสงค์แทนเจ้าของข้อมูล

ข้าพเจ้าได้อ่านและเข้าใจเนื้อหาในแบบคำขอนี้แล้ว ขอยืนยันว่าข้อมูลที่ข้าพเจ้าระบุในแบบคำขอนี้เป็นความจริงและข้าพเจ้าเป็นผู้มีสิทธิในการยื่นคำขอใช้สิทธิที่ระบุข้างต้นภายใต้ข้อกำหนดของพระราชบัญญัติฯ ข้าพเจ้ารับทราบว่าบริษัทต้องดำเนินการตรวจสอบ พิสูจน์และยืนยันตัวตนของข้าพเจ้า (รวมถึงอำนาจตามกฎหมายในการดำเนินการแทนเจ้าของข้อมูล กรณีข้าพเจ้าเป็นตัวแทนของเจ้าของข้อมูล) และอาจจำเป็นต้องได้รับข้อมูลหรือเอกสารเพิ่มเติมเพื่อดำเนินการตามคำขอของข้าพเจ้า และหากข้าพเจ้าจงใจให้ข้อมูลที่ไม่ถูกต้องโดยมีเจตนาทุจริต ข้าพเจ้าอาจถูกดำเนินคดีตามกฎหมายได้